ข่าวของน.ส.จิราวรรณ ฟองคำ 034
ควันปิ้งย่างก่อโอโซนมลพิษ
กทม.ยันอันตราย"ปอดพัง"-ชี้"คนขาย"สัมผัสพิษมากสุด
นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า
ปัจจุบันปัญหามลพิษทางอากาศในเขตเมืองกำลังเป็นปัญหาที่ขยายวงกว้างมากขึ้น ทั้งนี้
จากผลการศึกษาขององค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกาพบว่า
การปิ้งย่างเนื้อสัตว์บนเปลวไฟโดยตรงจะก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ได้แก่
ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ ฝุ่นขนาดเล็ก และสารอินทรีย์ระเหยง่าย
สอดคล้องกับการศึกษาแหล่งที่มาสำคัญของสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศของกรุงเทพฯพบว่า
การปิ้งย่างอาหารด้วยเตาถ่าน เป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของสารอินทรีย์ระเหยง่าย
ซึ่งสารอินทรีย์ระเหยง่ายเป็นสารตั้งต้นของโอโซนซึ่งเป็นมลพิษทางอากาศ
ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ มีผลต่อการทำงานของปอด
เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคปอดอักเสบเรื้อรัง
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ที่ผ่านมาในพื้นที่กรุงเทพฯมีผู้ขายอาหารปิ้งย่างเนื้อสัตว์บนเปลวไฟโดยตรงเป็นจำนวนมาก ซึ่ง กทม.ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และมีความพยายามควบคุมมลพิษทางอากาศจากการปิ้งย่างมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2554 ได้จัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ขายอาหารปิ้งย่างให้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดและสัมผัสกับมลพิษนี้มากที่สุด และมีบทบาทสำคัญที่สุดที่จะช่วยลดปัญหาดังกล่าว และในปี 2555 กทม.อยู่ระหว่างสำรวจความคิดเห็นผู้ขายอาหารปิ้งที่ผ่านการอบรมแล้ว เพื่อนำผลสำรวจดังกล่าวมาใช้เป็นแนวทางในการควบคุมมลพิษทางอากาศจากการปิ้งย่าง
นายวัลลภกล่าวอีกว่า สำหรับในปีงบ ประมาณ 2556 กทม.จะศึกษาเพื่อออกแบบอุปกรณ์ปิ้งย่างที่สามารถลดมลพิษทางอากาศจากการปิ้งย่างเพื่อเป็นต้นแบบ และหากได้อุปกรณ์ที่เหมาะสมแล้ว กทม.จะมีการอบรมและเผยแพร่อุปกรณ์ดังกล่าวให้กับผู้ขายอาหารปิ้งย่าง เนื่องจากการควบคุมมลพิษจากการปิ้งย่างนี้ ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ขายอาหารปิ้งย่าง ขณะเดียวกันขอให้ชาวกรุงเทพฯร่วมสนับสนุนการควบคุมมลพิษดังกล่าว โดยการเลือกซื้อหรือรับประทานอาหารที่มีการปิ้งย่างด้วยอุปกรณ์ที่ไร้ควันมลพิษ.
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ที่ผ่านมาในพื้นที่กรุงเทพฯมีผู้ขายอาหารปิ้งย่างเนื้อสัตว์บนเปลวไฟโดยตรงเป็นจำนวนมาก ซึ่ง กทม.ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และมีความพยายามควบคุมมลพิษทางอากาศจากการปิ้งย่างมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2554 ได้จัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ขายอาหารปิ้งย่างให้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดและสัมผัสกับมลพิษนี้มากที่สุด และมีบทบาทสำคัญที่สุดที่จะช่วยลดปัญหาดังกล่าว และในปี 2555 กทม.อยู่ระหว่างสำรวจความคิดเห็นผู้ขายอาหารปิ้งที่ผ่านการอบรมแล้ว เพื่อนำผลสำรวจดังกล่าวมาใช้เป็นแนวทางในการควบคุมมลพิษทางอากาศจากการปิ้งย่าง
นายวัลลภกล่าวอีกว่า สำหรับในปีงบ ประมาณ 2556 กทม.จะศึกษาเพื่อออกแบบอุปกรณ์ปิ้งย่างที่สามารถลดมลพิษทางอากาศจากการปิ้งย่างเพื่อเป็นต้นแบบ และหากได้อุปกรณ์ที่เหมาะสมแล้ว กทม.จะมีการอบรมและเผยแพร่อุปกรณ์ดังกล่าวให้กับผู้ขายอาหารปิ้งย่าง เนื่องจากการควบคุมมลพิษจากการปิ้งย่างนี้ ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ขายอาหารปิ้งย่าง ขณะเดียวกันขอให้ชาวกรุงเทพฯร่วมสนับสนุนการควบคุมมลพิษดังกล่าว โดยการเลือกซื้อหรือรับประทานอาหารที่มีการปิ้งย่างด้วยอุปกรณ์ที่ไร้ควันมลพิษ.
ข่าวของนายอภิชาติ ศาตรเพ็ชร์ 011...
เชื่อหรือไม่!งานเอ็กซ์โปทำให้อากาศเซี่ยงไฮ้แย่ลง
เซี่ยงไฮ้ต้องทนทุกข์กับสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดในรอบ5ปีหลังจากรัฐบาลท้องถิ่นยกเลิกการควบคุมมลภาวะในสถานที่จัดงานเวิร์ลด์เอ็กซ์โป
2010 ...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ว่า สื่อประจำเมืองเซี่ยงไฮ้ รายงานว่าชาวเซี่ยงไฮ้ต้องทรมานกับสภาพอากาศที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 5 ปีจากการที่รัฐบาลท้องถิ่นยกเลิกการควบคุมมลภาวะในสถานที่จัดงานเวิร์ลด์เอ็กซ์โป ตามรายงานของหนังสือพิมพ์รายวันของจีน ดัชนีมลภาวะทางอากาศในเซี่ยงไฮ้มีค่า มากกว่า 100 ซึ่งตัวเลขระดับนี้ตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมของจีนถือว่า "มีมลภาวะเบาบาง"โดยในเดือนนี้มีวันที่ค่ามลภาวะดังกล่าวกว่า 8 วันแล้ว
หากทางการจีนเรียกค่ามลภาวะเกิน100ว่าแย่ที่สุดในรอบ 5 ปี แต่ในวันที่ 13พ.ย. ค่าดัชนีดังกล่าวทะลุ 370 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา โดยตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าอากาศมีสภาพ"มลภาวะอย่างหนัก"
หน่วยงานตรวจสอบสภาพอากาศของเมืองก็ได้กล่าวโทษพายุทรายที่พัดมาจากทางตอนเหนือของจีนว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณภาพอากาศเลวร้าย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 25 พ.ย.ว่า สื่อประจำเมืองเซี่ยงไฮ้ รายงานว่าชาวเซี่ยงไฮ้ต้องทรมานกับสภาพอากาศที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 5 ปีจากการที่รัฐบาลท้องถิ่นยกเลิกการควบคุมมลภาวะในสถานที่จัดงานเวิร์ลด์เอ็กซ์โป ตามรายงานของหนังสือพิมพ์รายวันของจีน ดัชนีมลภาวะทางอากาศในเซี่ยงไฮ้มีค่า มากกว่า 100 ซึ่งตัวเลขระดับนี้ตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมของจีนถือว่า "มีมลภาวะเบาบาง"โดยในเดือนนี้มีวันที่ค่ามลภาวะดังกล่าวกว่า 8 วันแล้ว
หากทางการจีนเรียกค่ามลภาวะเกิน100ว่าแย่ที่สุดในรอบ 5 ปี แต่ในวันที่ 13พ.ย. ค่าดัชนีดังกล่าวทะลุ 370 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา โดยตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่าอากาศมีสภาพ"มลภาวะอย่างหนัก"
หน่วยงานตรวจสอบสภาพอากาศของเมืองก็ได้กล่าวโทษพายุทรายที่พัดมาจากทางตอนเหนือของจีนว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณภาพอากาศเลวร้าย
อย่างไรก็ตามมลพิษทางอากาศนี้ก็เกิดขึ้นพร้อมๆกับการยุติโครงการก่อสร้างในช่วงงานเวิร์ลด์เอ็กซ์โปซึ่งสิ้นสุดในวันที่
31 ต.ค.
อีกทั้งการห้ามเผาฟางที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศที่ออกโดยรัฐบาลท้องถิ่นก็จะหมดอายุพร้อมกับวันสิ้นสุดงานเอ็กซ์โปด้วย.
ข่าวของน.ส.กรรณิการ์ ชูพงษ์ 004
นักวิทย์ฯผู้ดีเผย อากาศเป็นพิษ ทำคนอายุสั้นลง
นักวิจัยอังกฤษเปิดเผยว่า เพราะมลภาวะทางอากาศ ทำให้ผู้คนกว่า 200,000
คน
ในอังกฤษต้องอายุสั้นลงถึง 2 ปี...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ถึงผลการศึกษาโดยคณะกรรมการการแพทย์ด้านผลกระทบของมลพิษทางอากาศ (COMEAP:Committee on the Medical Effects of Air Pollutants) ได้ลองผลสรุปออกมาเป็นครั้งแรกว่า ผลกระทบต่อสุขภาพจากมลพิษทางอากาศโดยฝีมือมนุษย์ เช่น การจราจร การผลิตกระแสไฟฟ้าและอุตสาหกรรมการผลิต เป็นเหตุให้มนุษย์สูญเสียอายุขัยถึง 340,000 ปี ในปี 2008
แต่แทนที่ผลกระทบจะกระจายไปสู่ประชากรทั้งหมด คณะกรรมการกลับคาดว่า ปัญหาสุขภาพนี้จะเกิดกับผู้คนอย่างมากแค่ 200,000 คนหรือคิดเป็น 0.3% ของประชาการทั้งหมดเท่านั้น
รายงานสรุปผลเผยว่า ผลกระทบของมลภาวะทางอากาศ มีส่วนเชื่อมโยงกับโรคหัวใจและหลอดเลือดในมนุษย์ นั่นคือเหตุผลที่ชี้ว่ามลพิษทางอากาศอาจทำให้เกิดผลทำให้มีคนตายเร็วขึ้นถึง 200,000 คน ในปี2008 ซึ่งแต่ละคนมีอายุสั้นลงโดยเฉลี่ยคนละประมาณ 2 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเป็นหลัก แต่ผลสรุปนี้ยังคงเป็นแค่การคาดคะเนเท่านั้น
รายงานยังเปิดเผยด้วยว่า มลพิษทางอากาศมีแนวโน้มทำให้ทารกแรกเกิดมีอายุสั้นลงโดยเฉลี่ย 6 เดือน
ดร.ไมค์ แนบตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ มูลนิธิโรคหัวใจของอังกฤษ กล่าวว่า "พวกเราประมาทผลกระทบของมลพิษทางอากาศที่มนุษย์สร้างขึ้น เพราะ มลพิษนั้นไร้สีไร้กลิ่น และวันใดที่ระดับมลพิษทางอากาศสูงขึ้น ก็จะมีคนประสบปัญหาโรคหัวใจจนต้องเข้่รัาบการรักษาที่โรงพยาบาลมากขึ้น".
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ถึงผลการศึกษาโดยคณะกรรมการการแพทย์ด้านผลกระทบของมลพิษทางอากาศ (COMEAP:Committee on the Medical Effects of Air Pollutants) ได้ลองผลสรุปออกมาเป็นครั้งแรกว่า ผลกระทบต่อสุขภาพจากมลพิษทางอากาศโดยฝีมือมนุษย์ เช่น การจราจร การผลิตกระแสไฟฟ้าและอุตสาหกรรมการผลิต เป็นเหตุให้มนุษย์สูญเสียอายุขัยถึง 340,000 ปี ในปี 2008
แต่แทนที่ผลกระทบจะกระจายไปสู่ประชากรทั้งหมด คณะกรรมการกลับคาดว่า ปัญหาสุขภาพนี้จะเกิดกับผู้คนอย่างมากแค่ 200,000 คนหรือคิดเป็น 0.3% ของประชาการทั้งหมดเท่านั้น
รายงานสรุปผลเผยว่า ผลกระทบของมลภาวะทางอากาศ มีส่วนเชื่อมโยงกับโรคหัวใจและหลอดเลือดในมนุษย์ นั่นคือเหตุผลที่ชี้ว่ามลพิษทางอากาศอาจทำให้เกิดผลทำให้มีคนตายเร็วขึ้นถึง 200,000 คน ในปี2008 ซึ่งแต่ละคนมีอายุสั้นลงโดยเฉลี่ยคนละประมาณ 2 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเป็นหลัก แต่ผลสรุปนี้ยังคงเป็นแค่การคาดคะเนเท่านั้น
รายงานยังเปิดเผยด้วยว่า มลพิษทางอากาศมีแนวโน้มทำให้ทารกแรกเกิดมีอายุสั้นลงโดยเฉลี่ย 6 เดือน
ดร.ไมค์ แนบตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ มูลนิธิโรคหัวใจของอังกฤษ กล่าวว่า "พวกเราประมาทผลกระทบของมลพิษทางอากาศที่มนุษย์สร้างขึ้น เพราะ มลพิษนั้นไร้สีไร้กลิ่น และวันใดที่ระดับมลพิษทางอากาศสูงขึ้น ก็จะมีคนประสบปัญหาโรคหัวใจจนต้องเข้่รัาบการรักษาที่โรงพยาบาลมากขึ้น".
ข่าวของนายฉัตรชัย วุฒิพันธ์ 027
อนามัยโลกเผย เมืองหลวงมองโกเลียอากาศสกปรกสุดในโลก
องค์การอนามัยโลกเผย กรุงอูลานบาตอร์ เมืองหลวงของมองโกเลีย
เป็นเมืองที่มีคุณภาพอากาศเลวร้ายที่สุดของโลก
โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินและการเผาฟืน ตามมาด้วยเมืองหลวงของมาดากัสการ์และคูเวต...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 3 ต.ค.
โดยอ้างข้อมูลจากรายงานขององค์การอนามัยโลกที่ระบุว่า กรุงอูลานบาตอร์
เมืองหลวงของมองโกเลีย ถือเป็นเมืองที่มีคุณภาพทางอากาศต่ำที่สุดของโลก
รายงานขององค์การอนามัยโลกระบุว่า เมืองหลวงของมองโกเลีย
ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดของโลกนั้น
ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันจากการเผาไหม้ของถ่านหินและการเผาฝืนเกือบตลอดทั้งปี
ส่งผลให้ค่ามลพิษทางอากาศของกรุงอูลานบาตอร์สูงถึง 2.5-63 พีเอ็ม (particulate
matter) อันเป็นสัดส่วนมลพิษทางอากาศที่สูงที่สุดของโลก สอดคล้องกับรายงานของ
"เดลี่ไฟแนนซ์" ที่มีการเผยแพร่เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งระบุว่า
กรุงอูลานบาตอร์ที่มีประชากรอาศัยอยู่เพียง 1.3 ล้านคน
ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่มีอัตราส่วนการปล่อยมลภาวะทางอากาศชนิดต่างๆ
สูงเป็นอันดับต้นๆของโลก
ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า นอกเหนือจากกรุงอูลานบาตอร์
เมืองหลวงของมองโกเลียแล้ว เมืองที่มีคุณภาพอากาศเลวร้ายที่สุด 10 แห่งของโลกจากการสำรวจล่าสุดยังประกอบด้วย
กรุงอันตานานาริโว ของมาดากัสการ์, กรุงคูเวตซิตี ของคูเวต, เมืองเม็กซิกาลี
ในเม็กซิโก, กรุงอักกราของกานา, เมืองซาเบอร์เซ ในโปแลนด์, กรุงดาการ์ของเซเนกัล,
เมืองคราคอฟของโปแลนด์,
เมืองโตริโนของอิตาลี
และกรุงลิมา เมืองหลวงของเปรู โดยเมืองต่างๆเหล่านี้มีอัตราส่วนของมลพิษทางอากาศอยู่ระหว่าง
2.5-59 พีเอ็มถึง 2.5- 34.21 พีเอ็มตามลำดับ.
ข่าวของนายประชิล โสภากุล 040
หมอกควันยังคลุม2จังหวัดภาคเหนือ
พบ 2 จังหวัดภาคเหนือยังประสบปัญหามลพิษหมอกควันอยู่ในระดับปานกลางถึงมีผลต่อสุขภาพมาก
ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนลดและควบคุมการเผาในที่โล่ง
ตรวจสอบสถานการณ์หมอกควันพื้นที่ภาคเหนือ
ยังพบปัญหามลพิษทางอากาศมีปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน
เกินค่ามาตรฐานที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย วัดได้ 285
ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ส่วนอำเภอเมืองฯ จังหวัดแม่ฮ่องสอน วัดได้ 399 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ส่งผลให้สภาพอากาศโดยรอบพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัด มีผลต่อสุขภาพของประชาชนอย่างไรก็ตาม
คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพมาก กรมควบคุมมลพิษร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการลดและควบคุมการเผาในที่โล่ง
ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่เกิดการเผาหญ้าริมทางและพื้นที่ป่า อีกทั้งประชาชนต้องร่วมมืองดเผาขยะและเศษวัสดุการเกษตร
คาดว่าจะช่วยลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันได้ดีขึ้น.
ข่าวของนายธิติสรณ์ ปานชื่น 003
หมอกควันมลพิษถล่มลำปางอากาศเสียหนักในรอบ 30 ปี
เมื่อวันที่25 ก.พ.55 ที่ผ่านมา
พื้นที่ในจังหวัดลำปางก็เกิดปัญหาหมอกควันเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงเกินคาด
ระดับค่าเฉลี่ยของฝุ่นละอองในอากาศสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนมืดสลัวไปแทบทั้งเมือง
รถราที่วิ่งในถนนต้องเปิดไฟหน้ารถเพื่อให้รถที่วิ่งสวนมาได้เห็น สำนักงานการประปาอำเภอแม่เมาะวัดค่าได้
210 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลท่าสี
อ.แม่เมาะ วัดได้ 206 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และที่ศาลหลักเมืองจังหวัดลำปาง วัดได้ที่ 173.
ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
และสั่งกำชับห้ามเผาป่า เผาไร่นาอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนดำเนินการตามกฎหมายทันที มีการเข้มงวดในการควบคุมการเผาในที่โล่ง
เนื่องจากในขณะนี้จังหวัดลำปางมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM10 สูงกว่าค่ามาตรฐาน
120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
และขณะนี้เกิดหมอกควันแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ครอบคุลมทุกพื้นที่ของ
จ.ลำปางอย่างหนาแน่น ส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยประกอบด้วย
การงดเผาขยะมูลฝอย การงดเผากิ่งไม้ในชุมชน และการห้ามเผาวัชพืชริมทางอย่างเด็ดขาด
รวมทั้งเฝ้าระวังการเกิดไฟป่า
และเตรียมความพร้อมในการดำเนินมาตรการลดการแพร่กระจายของฝุ่นละออง ในส่วนของกรมควบคุมมลพิษลำปางได้ตรวจวัดคุณภาพอากาศพบว่า
สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่จังหวัดลำปางค่าฝุ่นละอองในอากาศสูงสุดเป็นอันดับ 2
ของภาคเหนือ
ซึ่งจากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555
พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน
10 ไมครอน (PM 10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง โดยปกติจะต้องมีค่ามาตรฐานไม่เกิน
120 ไมโครกรัม สำหรับวันนี้กรมควบคุมมลพิษวัดได้ 51.9-194.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ซึ่งคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ถึงมีผล กระทบต่อสุขภาพ




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น